คุณรู้หรือไม่ว่า 76% ของนักการตลาดที่ใช้ Conversion Tracking บน Google Ads สามารถเพิ่มอัตราการแปลงค่าได้มากกว่า 25% ภายในเวลาเพียง 6 เดือน นี่คือพลังของการติดตามคอนเวอร์ชั่นที่ช่วยให้เราสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ

Conversion Tracking เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราวัดผลความสำเร็จของแคมเปญโฆษณาบน Google Ads ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้า การลงทะเบียน หรือการทำกิจกรรมอื่นๆ บนเว็บไซต์ การใช้เครื่องมือนี้ช่วยให้เราเห็นข้อมูลเชิงลึกและสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณาให้ตรงกับเป้าหมายทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น

การแปลงค่าหรือ Conversion ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ยอดขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรวบรวมลีด การโทรศัพท์ หรือแม้แต่การติดตั้งแอปพลิเคชัน ด้วยข้อมูลที่ได้จากการติดตามคอนเวอร์ชั่น เราสามารถวิเคราะห์ว่าคำค้นหา โฆษณา หรือกลุ่มเป้าหมายใดที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด และนำไปปรับปรุงแคมเปญให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ประเด็นสำคัญ

  • Conversion Tracking ช่วยเพิ่มอัตราการแปลงค่าได้มากกว่า 25%
  • วัดผลความสำเร็จของแคมเปญโฆษณาบน Google Ads
  • ติดตามได้ทั้งยอดขาย การลงทะเบียน และกิจกรรมอื่นๆ
  • ช่วยวิเคราะห์ประสิทธิภาพของคำค้นหา โฆษณา และกลุ่มเป้าหมาย
  • ใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณาให้ตรงเป้าหมาย

ความสำคัญของ Conversion Tracking สำหรับโฆษณา Google Ads

Conversion Tracking เป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดประสิทธิภาพของโฆษณา Google Ads ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดให้แม่นยำยิ่งขึ้น การคำนวณอัตราการแปลงผลทำได้โดยใช้สูตร: จำนวนลูกค้าที่มีส่วนร่วมกับเว็บไซต์ / จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด x 100

เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณโฆษณา

Conversion Tracking ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณโฆษณาได้โดยระบุแคมเปญและคีย์เวิร์ดที่สร้างยอดขายจริง ทำให้เราสามารถปรับแก้ส่วนต่างของโฆษณาเพื่อลดการสูญเสียเงินโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ยังช่วยในการตั้งเป้าหมายกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนขึ้น

วัดผลความสำเร็จของแคมเปญได้แม่นยำ

การติดตามการแปลงผลช่วยให้เราวัดผลความสำเร็จของแคมเปญได้อย่างแม่นยำ สามารถติดตามการกระทำต่างๆ เช่น การซื้อสินค้า การสมัครรับจดหมายข่าว หรือการดาวน์โหลด ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจประสบการณ์ผู้ใช้และปรับปรุงกระบวนการแปลงผู้เยี่ยมชมให้เป็นลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณาให้ดีขึ้น

ด้วยข้อมูลจาก Conversion Tracking เราสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณาได้อย่างต่อเนื่อง การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าผ่านเครื่องมือเช่น Google Analytics ช่วยให้เราเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดโดยใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน ทำให้เราสามารถปรับแต่งโฆษณาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น

Conversion Tracking คืออะไร และทำงานอย่างไร

Conversion Tracking เป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดผลการทำงานของโฆษณา Google Ads ระบบนี้ช่วยเราบูรณาการข้อมูลการกระทำของผู้ใช้หลังคลิกโฆษณา ทำให้สามารถวัดประสิทธิภาพแคมเปญได้แม่นยำ

การทำงานของ Conversion Tracking ใช้โค้ดพิเศษที่ผูกกับบัญชี Google Ads เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณาและทำ Conversion บนเว็บไซต์ ระบบจะบันทึกข้อมูลผ่านคุกกี้และส่งกลับไปยัง Google Ads

Conversion มีหลายรูปแบบ เช่น การสั่งซื้อ สมัครสมาชิก โทรติดต่อ หรือกรอกฟอร์ม การติดตามเหล่านี้ช่วยให้เราค้นหาส่วนขาดในกระบวนการขาย และปรับปรุงอัตราแปลงค่าได้ดีขึ้น

ตัวอย่างการคำนวณอัตราแปลงค่า หากโฆษณาถูกเห็นโดยคน 100 คน และมี 10 คนซื้อสินค้า อัตราแปลงค่าจะเท่ากับ (10/100) x 100 = 10%

การเลือกลงทุนในการทำ Conversion Tracking ควรติดตามแต่ละช่องทางแยกกัน เพื่อประเมินกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด

นอกจากนี้ ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บยังส่งผลต่อ Conversion การล่าช้าเพียง 1 วินาทีอาจทำให้อัตราแปลงค่าลดลงถึง 7% ดังนั้นการสร้างเว็บไซต์ที่ตอบสนองรวดเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ประเภทของ Conversion ที่สามารถติดตามได้ใน Google Ads

Google Ads ให้ความสามารถในการติดตามคอนเวอร์ชั่นหลายประเภท การวิเคราะห์เหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้และประสิทธิภาพของโฆษณาได้ดียิ่งขึ้น มาดูประเภทคอนเวอร์ชั่นแต่ละประเภทกัน

การซื้อสินค้าหรือบริการ

เมื่อลูกค้าทำการชำระเงิน ระบบจะบันทึกเป็นคอนเวอร์ชั่น การติดตามประเภทนี้ช่วยให้เรารู้ว่าโฆษณาผลักดันยอดขายได้มากแค่ไหน

การลงทะเบียนหรือสมัครสมาชิก

การสมัครสมาชิกหรือติดตามเพจก็เป็นคอนเวอร์ชั่นเช่นกัน เราสามารถวัดผลได้ว่าโฆษณาสร้างฐานลูกค้าใหม่ได้มากน้อยเพียงใด

การดาวน์โหลดไฟล์หรือแอปพลิเคชัน

หากธุรกิจมีแอปหรือไฟล์ให้ดาวน์โหลด การติดตามคอนเวอร์ชั่นช่วยวัดความสนใจของผู้ใช้ต่อผลิตภัณฑ์

การกรอกแบบฟอร์มติดต่อ

เมื่อผู้ใช้กรอกข้อมูลในฟอร์มติดต่อ นับเป็นคอนเวอร์ชั่นที่แสดงถึงความสนใจในบริการ การแปลงค่าประเภทนี้ช่วยวัดประสิทธิภาพในการสร้างลูกค้าเป้าหมาย

การติดตามคอนเวอร์ชั่นทั้งหมดนี้ช่วยให้เราเข้าใจผลลัพธ์ของโฆษณาได้ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย การสร้างฐานลูกค้า หรือความสนใจในผลิตภัณฑ์ ข้อมูลเหล่านี้มีค่ามากในการปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ขั้นตอนการสร้าง Conversion Tracking ใน Google Ads

การสร้าง Conversion Tracking เป็นก้าวแรกในการวัดประสิทธิภาพของโฆษณา เริ่มด้วยการเข้าสู่บัญชี Google Ads จากนั้นเลือก Tools and settings และไปที่ Conversions เพื่อสร้าง Conversion action ใหม่

เลือกประเภทเป็น Website และใส่โดเมนเว็บไซต์ของคุณ ตั้งค่าการกระทำที่ต้องการติดตาม เช่น การซื้อสินค้าหรือการลงทะเบียน กำหนดค่า Value และ Count ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

หลังจากบันทึก คุณจะได้รับโค้ดติดตามคอนเวอร์ชั่น นำไปติดตั้งบนเว็บไซต์เพื่อเริ่มสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้คุณสามารถปรับแก้ส่วนต่างๆ ของแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“การกำหนดค่าคอนเวอร์ชั่นที่ชัดเจนช่วยให้เราเข้าใจ ROI ของโฆษณาได้ดีขึ้น”

ใช้ Google Tag Manager เพื่อจัดการแท็กได้ง่ายขึ้น ควรตรวจสอบการทำงานของระบบติดตามหลังติดตั้งเสร็จ หากพบปัญหาสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน PPC เพื่อช่วยเหลือได้

การติดตั้ง Global Site Tag (gtag.js) บนเว็บไซต์

การติดตั้ง Global Site Tag (gtag.js) เป็นขั้นตอนสำคัญในการเก็บข้อมูลการแปลงค่าบนเว็บไซต์ เราจะแนะนำวิธีติดตั้งและตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับวางโค้ดนี้

วิธีนำโค้ด Global Site Tag ไปติดตั้ง

เริ่มต้นด้วยการเข้าสู่บัญชี Google Analytics แล้วคัดลอกโค้ด gtag.js ที่ได้รับ โค้ดนี้จะช่วยในการบูรณาการข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณ นำโค้ดไปวางในส่วน <head> ของทุกหน้าเว็บ ซึ่งจะช่วยให้การเก็บข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ตำแหน่งที่เหมาะสมในการวางโค้ด

ตำแหน่งที่ดีที่สุดคือใกล้กับส่วนบนของ <head> ก่อนแท็กปิด </head> การวางในตำแหน่งนี้ช่วยให้โค้ดทำงานได้เร็วที่สุด ส่งผลดีต่อประสบการณ์ผู้ใช้และการเก็บข้อมูล

  • ตรวจสอบว่าโค้ดถูกวางในทุกหน้าของเว็บไซต์
  • หลีกเลี่ยงการวางโค้ดนี้ซ้ำซ้อน
  • ทดสอบการทำงานของโค้ดหลังจากติดตั้ง

การติดตั้ง Global Site Tag ที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานสำคัญในการวัดผลและปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาของคุณ

ติดตามคอนเวอร์ชั่น: การตั้งค่า Conversion Action ใน Google Ads

การตั้งค่า Conversion Action ใน Google Ads เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณา เราต้องเลือกประเภท Conversion ที่ต้องการติดตาม เช่น การซื้อสินค้า หรือการสมัครสมาชิก

การกำหนดค่า Value เป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุงอัตราแปลงค่า เราควรเลือกตัวเลือก “Use different values for each conversion” เพื่อบันทึกมูลค่าที่แท้จริงของแต่ละ Conversion นอกจากนี้ การตั้งค่า Count ให้เหมาะสมกับประเภทของ Action จะช่วยให้เราได้ข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้น

การกำหนดช่วงเวลาการนับ Conversion หรือ Conversion window มีความสำคัญไม่แพ้กัน เราสามารถปรับได้ตั้งแต่ 1 วันไปจนถึง 90 วันหลังจากการคลิกโฆษณา การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมจะช่วยให้เราวิเคราะห์ผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • เลือกประเภท Conversion ที่ต้องการติดตาม
  • กำหนดค่า Value ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ
  • ตั้งค่า Count ให้เหมาะสมกับแต่ละ Action
  • ปรับ Conversion window ตามความเหมาะสม

การตั้งค่าเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถค้นหาส่วนขาดในแคมเปญ เพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณา และปรับปรุงอัตราแปลงค่าได้อย่างมีประสิทธิผล ทำให้เราสามารถวัดผลความสำเร็จของแคมเปญและปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณาได้อย่างต่อเนื่อง

การกำหนดค่า Value และ Count สำหรับ Conversion

การวิเคราะห์คอนเวอร์ชั่นอย่างมีประสิทธิภาพต้องเริ่มต้นด้วยการกำหนดค่า Value และ Count ที่เหมาะสม. เราจะพิจารณาวิธีการตั้งค่าเพื่อการวิเคราะห์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น.

ค่า Value ควรตั้งค่าเป็น “Use different values for each conversion” เพื่อบันทึกมูลค่าที่แท้จริงของแต่ละรายการ. วิธีนี้ช่วยให้เราสังเกตพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ละเอียดขึ้น เช่น ระบุความแตกต่างระหว่างลูกค้าที่ซื้อสินค้าราคาสูงกับราคาต่ำ.

การตั้งค่า Count ขึ้นอยู่กับประเภทของคอนเวอร์ชั่น:

  • เลือก “Every” สำหรับการซื้อสินค้า เพื่อนับทุกครั้งที่เกิดการซื้อ
  • เลือก “One” สำหรับการสมัครสมาชิกหรือดาวน์โหลด เพื่อนับเพียงครั้งเดียวต่อผู้ใช้

การตั้งค่าเหล่านี้ช่วยให้เราวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุนได้แม่นยำ. ทำให้เราสามารถปรับกลยุทธ์การโฆษณาได้ตรงจุดมากขึ้น.

การใช้ Enhanced Measurement Events ใน GA4 ยังช่วยให้เราติดตามคอนเวอร์ชั่นได้ละเอียดยิ่งขึ้น. เช่น การดูจำนวนหน้าที่ผู้ใช้เข้าชม หรือการดาวน์โหลดไฟล์. ทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ลึกซึ้งขึ้น.

การใช้ Google Tag Manager เพื่อจัดการ Conversion Tracking

Google Tag Manager (GTM) เป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดการแท็กต่างๆ บนเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก รวมถึงแท็ก Conversion Tracking ด้วย. การใช้ GTM ช่วยให้เราสามารถปรับแก้ส่วนต่างของการติดตามได้โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดเว็บไซต์โดยตรง.

ข้อดีของการใช้ Google Tag Manager

GTM มีข้อดีหลายประการในการจัดการ Conversion Tracking:

  • ประหยัดเวลาในการติดตั้งและแก้ไขแท็ก
  • ลดข้อผิดพลาดจากการแก้ไขโค้ดโดยตรง
  • เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการแท็กต่างๆ
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการติดตามแคมเปญ

วิธีการตั้งค่า Tag ใน Google Tag Manager

การตั้งค่า Tag สำหรับ Conversion Tracking ใน GTM มีขั้นตอนดังนี้:

  1. สร้าง Container ใน GTM
  2. สร้าง Tag ประเภท Google Ads Conversion Tracking
  3. กำหนดค่าต่างๆ ตามที่ตั้งไว้ใน Google Ads
  4. ตั้งค่า Trigger เพื่อกำหนดเงื่อนไขการทำงานของ Tag
  5. ทดสอบการทำงานของ Tag

การใช้ GTM ช่วยให้เราสามารถปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้และการแปลงค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ. ไม่ต้องกังวลเรื่องการแก้ไขโค้ดเว็บไซต์โดยตรง.

การตรวจสอบว่า Conversion Tracking ทำงานถูกต้อง

การบูรณาการข้อมูลจาก Conversion Tracking เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณา เราต้องตรวจสอบว่าระบบทำงานได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ มีหลายวิธีในการทำเช่นนี้

  • ใช้เครื่องมือ Tag Assistant ของ Google เพื่อตรวจจับการทำงานของแท็ก
  • ดูรายงานใน Google Ads เพื่อยืนยันการบันทึกข้อมูล
  • ทดสอบโดยจำลองการทำ Conversion บนเว็บไซต์
  • ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่บันทึก เช่น มูลค่าการซื้อ

การค้นหาส่วนขาดในการติดตาม Conversion ช่วยให้เราปรับปรุงระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น SafetyDrink บริษัทอีคอมเมิร์ซในไทย สามารถเพิ่มอัตรา Conversion ใน Search ได้ถึง 3.8% และลดต้นทุนต่อ Conversion ลง 37% หลังจากปรับปรุงระบบติดตาม

การใช้ Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับเว็บยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญด้วยโซลูชันอัตโนมัติอย่าง Smart Bidding ทำให้สามารถเพิ่มรายได้ได้อย่างมีนัยสำคัญ การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เราแน่ใจว่าข้อมูลที่ได้รับนั้นถูกต้องและนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล Conversion ใน Google Ads

การวิเคราะห์คอนเวอร์ชั่นเป็นขั้นตอนสำคัญในการปรับปรุงแคมเปญโฆษณา Google Ads ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เราสามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้จากรายงาน Conversion ใน Google Ads

การดูรายงาน Conversion

รายงาน Conversion แสดงข้อมูลสำคัญหลายอย่าง เช่น:

  • ราคาต่อหนึ่ง Conversion
  • อัตรา Conversion
  • มูลค่า Conversion ทั้งหมด
  • มูลค่า Conv./ค่าใช้จ่าย
  • มูลค่า Conv./คลิก

ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจว่าแคมเปญกำลังทำงานได้ดีแค่ไหน และควรปรับปรุงส่วนไหนบ้าง

การใช้ข้อมูล Conversion เพื่อปรับปรุงแคมเปญ

เมื่อเราติดตามคอนเวอร์ชั่นและวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว เราสามารถนำข้อมูลมาใช้ปรับปรุงอัตราแปลงค่าได้ดังนี้:

  • เพิ่มงบให้กับคำค้นที่สร้าง Conversion ได้ดี
  • ปรับปรุงคำโฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่ำ
  • ทดสอบปุ่ม Call-To-Action แบบต่างๆ เช่น “ซื้อเลย” “สมัครตอนนี้” “ดาวน์โหลด”

การวิเคราะห์อย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เราสามารถใช้งบประมาณโฆษณาได้คุ้มค่าที่สุด

ข้อควรระวังและปัญหาที่พบบ่อยในการใช้ Conversion Tracking

การใช้ Conversion Tracking เป็นเครื่องมือสำคัญในการสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ก็มีข้อควรระวังหลายประการ หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยคือการติดตั้ง Tag ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน เราแนะนำให้ใช้ Google Tag Manager ซึ่งเป็นเครื่องมือฟรีที่ช่วยจัดการ Tags ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อีกประเด็นสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงของระบบปฏิบัติการ iOS 14 ที่ส่งผลกระทบต่อการติดตามคอนเวอร์ชัน โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มโฆษณาอย่าง Facebook ทำให้การรายงานผลอาจล่าช้าถึง 3 วัน และจำกัดจำนวนเหตุการณ์คอนเวอร์ชันที่สามารถติดตามได้ เราจำเป็นต้องปรับแก้ส่วนต่างๆ ของแคมเปญให้สอดคล้องกับข้อจำกัดใหม่นี้

นอกจากนี้ การตั้งค่า Attribution Window ที่เหมาะสมก็มีความสำคัญ เนื่องจากหน้าต่างการอ้างอิงแบบ 28 วันถูกยกเลิก เราควรใช้ Comparison Windows เพื่อเข้าใจวิธีการแบ่งคอนเวอร์ชันของโมเดลต่างๆ ท้ายที่สุด การยืนยันโดเมนและอัปเดต SDK สำหรับแอปพลิเคชันมือถือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาประสบการณ์ผู้ใช้และความแม่นยำของข้อมูล

FAQ

Conversion Tracking คืออะไร?

Conversion Tracking เป็นการวัดผลการตลาดออนไลน์ผ่าน Google Ads. มันช่วยติดตามการกระทำของผู้ใช้หลังจากคลิกโฆษณา เช่น การซื้อสินค้าหรือลงทะเบียน. ช่วยให้เราเข้าใจประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาได้ดีขึ้น.

ทำไมต้องใช้ Conversion Tracking สำหรับโฆษณา Google Ads?

Conversion Tracking ช่วยให้เรารู้ว่าการลงทุนโฆษณามีประสิทธิภาพหรือไม่. ช่วยระบุ Keywords แคมเปญ หรือคำโฆษณาที่สร้างยอดขายได้. ทำให้เราสามารถปรับปรุงการใช้งบประมาณโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

Conversion Tracking ทำงานอย่างไร?

Conversion Tracking ใช้โค้ดพิเศษที่ผูกกับบัญชี Google Ads. เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณาและทำ Conversion บนเว็บไซต์ ระบบจะบันทึกข้อมูลนี้. ทำให้สามารถติดตามการกระทำของผู้ใช้และวัดประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างแม่นยำ.

ประเภทของ Conversion ที่สามารถติดตามได้ใน Google Ads คืออะไรบ้าง?

Google Ads สามารถติดตาม Conversion ได้หลายประเภท เช่น การซื้อสินค้าหรือบริการ, การลงทะเบียนสมัครสมาชิก, การดาวน์โหลดไฟล์หรือแอปพลิเคชัน, การกรอกแบบฟอร์มติดต่อ และการคลิกปุ่มติดตาม (Subscribe).

ขั้นตอนการสร้าง Conversion Tracking ใน Google Ads คืออะไร?

เริ่มจากการเข้าสู่บัญชี Google Ads เลือกเมนู Tools & Settings > Conversions > New Conversion action. เลือก Website และใส่ชื่อโดเมนเว็บไซต์ กำหนดค่า Action ที่ต้องการติดตาม เช่น Purchase หรือ Sign-up. ตั้งค่า Value และ Count ตามความเหมาะสม จากนั้นบันทึกและรับโค้ด Conversion Tracking เพื่อติดตั้งบนเว็บไซต์.

วิธีการติดตั้ง Global Site Tag (gtag.js) บนเว็บไซต์คืออะไร?

นำโค้ด gtag.js ที่ได้รับจาก Google Ads ไปวางในส่วน <head> ของทุกหน้าเว็บไซต์. ต้องวางก่อนแท็ก </head> ตำแหน่งที่เหมาะสมคือใกล้กับส่วนบนของ <head>. การติดตั้งที่ถูกต้องจะช่วยให้การเก็บข้อมูล Conversion เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ.

การตั้งค่า Conversion Action ใน Google Ads ทำอย่างไร?

เลือกประเภทของ Conversion ที่ต้องการติดตาม เช่น Purchase หรือ Subscribe. กำหนดค่า Value โดยเลือก “Use different values for each conversion” เพื่อเก็บมูลค่าที่แท้จริงของแต่ละ Conversion. ตั้งค่า Count ให้เหมาะสมกับประเภทของ Action รวมถึงกำหนดช่วงเวลาการนับ Conversion ตามต้องการ.

การกำหนดค่า Value และ Count สำหรับ Conversion มีความสำคัญอย่างไร?

การกำหนดค่า Value และ Count มีความสำคัญในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของโฆษณา. สำหรับ Value ควรเลือก “Use different values for each conversion” เพื่อบันทึกมูลค่าที่แท้จริงของแต่ละรายการ. ส่วน Count ให้เลือก “Every” สำหรับการซื้อสินค้า และ “One” สำหรับการสมัครสมาชิกหรือดาวน์โหลด.

ข้อดีของการใช้ Google Tag Manager เพื่อจัดการ Conversion Tracking คืออะไร?

Google Tag Manager ช่วยให้การจัดการ Tag ต่างๆ รวมถึง Conversion Tracking Tag ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ. สามารถเพิ่ม แก้ไข หรือลบ Tag ได้โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดเว็บไซต์โดยตรง. ช่วยประหยัดเวลาและง่ายต่อการจัดการมากขึ้น.

วิธีการตรวจสอบว่า Conversion Tracking ทำงานถูกต้องมีอะไรบ้าง?

สามารถตรวจสอบได้โดยใช้เครื่องมือ Tag Assistant ของ Google หรือดูจากรายงานใน Google Ads. ทดสอบโดยการจำลองการทำ Conversion บนเว็บไซต์และตรวจสอบว่าข้อมูลถูกส่งไปยัง Google Ads หรือไม่. นอกจากนี้ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่บันทึก เช่น มูลค่าการซื้อ หรือจำนวนการลงทะเบียน.

วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล Conversion ใน Google Ads คืออะไร?

ดูรายงาน Conversion ในส่วน Reports > Conversions ซึ่งจะแสดงข้อมูลเช่น จำนวน Conversion ค่าใช้จ่ายต่อ Conversion และอัตราการ Conversion. ใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับปรุงแคมเปญ เช่น การเพิ่มงบประมาณให้กับ Keywords ที่สร้าง Conversion ได้ดี หรือปรับปรุงคำโฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่ำ.

ลิงก์ที่มา

tida
tida

Would you like to share your thoughts?

Your email address will not be published. Required fields are marked *